COLUMN
Apr. 01 2019
.
พูดถึงฮอกไกโด ก็ต้องนึกถึงหิมะใช่ไหมครับ ที่ฮอกไกโด หิมะจะเริ่มตกตั้งแต่ประมาณเดือน พฤศจิกายน จนกว่าหิมะจะละลายหมดก็เข้าเดือนเมษายน ไปซักเล็กน้อย สำหรับผู้ที่ชอบเล่นกิจกรรมทางหิมะแล้ว จะเอาให้แน่ๆ เลย ต้องเป็นช่วงกลางเดือนธันวา ก็สามารถเริ่มเล่นได้แล้ว
.
วันนี้มาแนะนำหนึ่งในสถานที่สุดยอดของการเล่นหิมะ ด้วยคุณภาพหิมะระดับโลก นั่นคือเมือง NISEKO เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหิมะหนานุ่มแบบ Powder Snow ! ก่อนอื่นมารู้จักกันก่อนว่า Powder Snow นี่มันเป็นยังไง
ในบริเวณที่มีค่าความชื้นในอากาศ ที่ต่ำ ทำให้เกล็ดหิมะบางเบา และตกลงมาซ้อนๆ กัน มีอากาศมาแทรกระหว่างหิมะ อ่อนนุ่มราวกับบิงซูยังไงยังงั้น
.
เป็นลักษณะของหิมะแบบหนึ่ง จะมีให้เห็นเมื่อหิมะตกหนักๆ ในบริเวณที่มีค่าความชื้นในอากาศ ที่ต่ำ ทำให้เกล็ดหิมะบางเบา และตกลงมาซ้อนๆ กันมีช่องอากาศมาแทรกระหว่างหิมะ อ่อนนุ่มราวกับบิงซูยังไงยังงั้น และความนุ่มของหิมะแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของนักสกีและนักสโนว์บอร์ดทั่วโลกที่ต้องฝันถึง จะทำให้รู้สึกเหมือนกับได้โต้คลื่นที่เป็นหิมะนุ่มๆ จะทำให้รู้สึกว่าเป็นการเล่นสกี/สโนวบอร์ดที่ได้อรรถรสมากขึ้น ซึ่งจะไม่ค่อยพบหิมะลักษณะนี้ตามเส้นทางการเล่นทั่วๆไป จะมีก็ต่อเมื่อเวลาที่หิมะตกหนักๆ หรือช่วงเช้าๆ นะครับ หรือถ้าออกมาเล่นนอกเส้นทาง ก็จะเจอกับ Powder Snow มากมายเต็มไปหมด แนะนำว่าในขณะที่เราไถลไปบนหิมะหนาๆ ควรทิ้งน้ำหนักไปด้านหลังของบอร์ด หรือสกีให้มาก เพื่อป้องกันกการที่หน้าบอร์ดหรือสกีจมเข้าไปในหิมะ (เพราะมันฟูมากๆ) การล้มลงไปในหิมะนุ่มๆจะไม่ค่อยเจ็บมากนัก แต่ให้ระวังเรื่องการที่จะพยายามผลักตัวขึ้นมาจากหิมะแบบพาวเดอร์ เพราะมันค่อนยากลำบากเลยทีเดียว
Powder Snow นุ่มๆ ฟูๆ
Powder snow บนยอดเขาลานสกี niseko village
.
จบกันไปกับเรื่องของ Powder Snow นะครับ ซึ่งสถานที่จะพบเจอ Powder Snow ได้บ่อยเลยก็คือเมือง Niseko แห่งนี้นั่นเอง เมืองนี้แบ่งลานสกีออกหลากหลาย ภายในเทือกเขาเดียวกัน และที่สำคัญ เขามีบัตรที่สามารเล่นได้ทุกลานสกีด้วย โดยลานทั้งหมดของ Niseko มีลาน Annupuri, niseko village, grand hirafu, hanazono ครับ ซึ่งจะแยกย่อยอธิบายบรรยกาศแต่ละลานให้คร่าวๆ ตามนี้นะครับ
.
・ Annupuri เป็นลานสกีที่รวมเอาโรงแรมญี่ปุ่นเก่าแก่ไว้ หากต้องการสัมผัสบรรยากาศเรียวกัง หรืออะไรที่เป็น traditional ต้องมาพักที่ลานนี้
・Niseko Village เป็นลานสกีที่รวมเอาโรงแรมไฮโซ หรู และเส้นทางสกีระดับยากๆ ไว้ เงียบสงบ
・Grand Hirafu เป็นลานสกีที่ถือเป็นดาวน์ทาวน์ ของที่นิเซโกะ ก็ว่าได้ มีลานที่กว้างและฟรีสไตล์มากๆ
・Hanazono ถือเป็นลานน้องใหม่ที่กำลังพัฒนา กำลังจะเริ่มมีโรงแรมใหม่ๆ แม้เส้นทางสกีจะไม่มากเท่า 3 แห่งที่ว่าไป แต่เหมาะกับระดับหัดเล่นครับ
.
ครั้งนี้ เราได้เลือกพักที่โรงแรม The Green Leaf ติดลานสกี niseko village ซึ่งเป็นอีกแหล่งที่เงียบสงบ เหมาะกับการมาฝึกสกีมากๆ เนื่องจากว่าคนไม่พลุกพล่านมากเกินไป และโรงแรมแต่ละที่ในย่านนี้ ยังติดกับลานสกีด้วย เรียกว่า ตื่นมาแล้วสามารถ Ski out ออกไปเล่นได้เลยนะครับ คำกว่าใกล้ติดลาน คือติดจริงๆ เดิน 5 ก้าวก็ถึง เหมาะมากสำหรับสายสกีครับ
ด้านหน้าโรงแรม
เข้ามาก็เจอบาร์บริเวณล็อบบี้
ห้องพักของที่นี่ เราได้พักชั้น 5 ชั้นบนสุด
วิวยามบ่ายแค่นั่งๆ นอนๆ มองวิวก็ฟินแล้ว
มีชุดยูกาตะสำหรับใส่ไปเข้าออนเซ็นด้วย
The Green Leaf hotel กับบรรยากาศดีๆ จิบกาแฟเบาๆ
.
นอกจากห้องที่บรรยากาศดีแล้ว ห้องอาหารเช้าของที่นี่ก็ทำออกมาโปร่งโล่ง มากๆ ทานไปด้วยชมวิวไปด้วยได้เลยครับ
สำหรับราคาค่าห้อง อยู่ที่ประมาณ 6,xxx บาท แล้วแต่ช่วงครับ ตอนที่ไปเป็นช่วงกลางเดือนมีนาคม นักท่องเที่ยวเริ่มซาลง แต่หิมะยังมีให้เล่นเหมือนเดิม ถือเป็นอีกช่วงที่น่าสนใจ หรือใครอยากเล่นหิมะใหม่ๆ เลย ก็ต้องกลางๆ ธันวาคม เป็นต้นไปครับ
ดูราคาห้องได้ที่ https://www.thegreenleafhotel.com/en/
บรรยกาศห้องอาหารยามเช้า
.
.
ว่าด้วยเรื่องสกี ที่ The Green Leaf มีให้เช่าทุกอย่าง ต้องการแค่เราพกเงินไปอย่างเดียวครับ ราคาในการเช่าก็จะมีแบบเช่าบางอย่าง ไม่เอาบางอย่างได้ แต่เราคนไทย ส่วนใหญ่ก็จะเช่าทุกอย่าง สิ่งที่จะต้องเช่าก็มี ชุดสกี/สโนว์บอร์ด, เช่าอุปกรณ์ และลิฟท์ โดยลิฟท์จะมีทั้งแบบเล่นได้เฉพาะลาน Niseko Village แบบครึ่งวันประมาณ 5,200yen หรือออออ จะซื้อแบบเล่นได้ทุกลานสกีของนิเซโกะ เรียกว่า Niseko All Mountain Pass 7,400yen/วัน ครับ (เช็คราคาล่าสุดได้ที่นี่ http://www.niseko.ne.jp/en)
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่า จะเล่นกันระดับไหน ถ้าหัดเล่นก็เอาแบบครึ่งวันเฉพาะลานสกีที่ตัวเองพักอยู่ก็พอแล้วครับ เนื่องจากการที่จะลงมาถึงด้านล่างได้ ใช้เวลานานมากทีเดียว
จุดเช่าสกีจะให้กรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ไซส์เสื้อผ้า รองเท้า
หน้าตาบัตรขึ้นลิฟท์ เราใช้เป็นแบบ All mountain
จุดเก็บอุปกรณ์สกี สำหรับผู้ที่เล่นต่อหลายวัน
อุปกรณ์พร้อมแล้ว
.
หลังจากได้อุปกรณ์ และตั๋วแล้ว เราก็ขึ้นกอนโดล่ากันไปที่ยอดขาได้เเลยครับ บอกก่อนว่า ต้องรู้สกิลตัวเองให้ดี ขึ้นแล้วต้องลงให้ได้นะครับ ฮาๆ เมื่อถึงบนสุดยอดจะมีเส้นทางบอกเรื่อยๆ ว่าเรากำลังอยู่บริเวณไหน รับรองไม่มีหลงแน่นอน
เปิดประตูออกไปก็เจอกอนโดล่าเลยครับ
อันนี้เเป็นกอนโดล่าตัวสูงของโรงแรมฮิลตัล แน่นอนว่าตั๋วลิฟท์ใช้ได้
วิวสวยมากกกกกก
เราโชคดีได้เจออากาศที่ดี จึงสามารถมองเห็นภูเขาโยเท (mt. yotei) ที่คล้ายฟูจิ ฝั่งตรงข้ามได้ ที่ลาน Niseko Village สามารถเดินลัดไปลาน Grand Hirafu ได้ ซึ่งจะได้เห็นวิวที่สวยกว่าเต็มๆ สำหรับใครที่เป็นสายถ่ายรูป แต่ไม่สกีก็สามารถขึ้นมาได้เช่นกันนะครับ สามารถนั่งกอนโดล่าขึ้นมา แล้วก็นั่งกลับลงไปได้ด้วย
หยั่งกะในนิยาย
สวยเวอร์วัง
.
ยืนตะลึกกับความสวยครับ และกังวลว่าจะลงยังไง
.
.
ที่ Niseko Village มีรถบัสวิ่งวนเป็นรอบๆ เข้าไปบริเวณในย่าน Grand Hirafu และมีบางสายวิ่งไปถึงสถานี JR Kutchan (สถานีหลักที่ใกล้ลานสกีที่สุด) ด้วยครับ มาดูกันว่าเราได้ไปสำรวจกันที่ไหนบ้าง จริงๆ ก็มีแค่ 2 ที่ ที่แรกเลยคือ บริเวณ Grand Hirafu ที่รวมเอาร้านอาหาร ต่างๆ ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ร้านขายหรือเช่าอุปกรณ์เกี่ยวสกี/สโนว์บอร์ด เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่จำเป็น ใครเบื่อๆ โรงแรมก็มาเดินเล่นได้ครับ
หน้าตาบัสฟรี เฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น
ร้านค้าต่างๆ ที่เปิดให้ชิม
ร้านราเมงชื่อดัง Tozanken บริเวณทางไปลิฟท์ของ Grand Hirafu มีอยู่ร้านเดียวที่คนแน่นมาก
ด้านนอกร้านราเมง ตอนกลางวันหน้าตาแบบนี้ครับ
.
.
ส่วนที่ที่ 2 ที่บัสจะจอดคือ ป้าย Milk Kobo (http://www.niseko-takahashi.jp/milkkobo/) เป็นร้านขนมชื่อดังของที่นี่ครับ หากอยากหาของฝากท้องถิ่น ผลิตโดยวัวที่เลี้ยงเองที่นี่ ก็ต้องเป็นที่ร้าน Milk Kobo เลย นอกจากจะมีไอศกรีม และของหวานแล้ว ข้างๆ ยังมีร้านพิซซ่าอร่อยๆ จำหน่ายด้วยครับ และหากเป็นคอกาแฟ ตรงข้าม Milk Kobo ก็มีร้านกาแฟ แนวๆ ให้ไปนั่งจิบ รอบัสได้ด้วย
หน้าตาป้าย Milk Kobo
ในร้านมีเมนูที่ทุกคนต้องสั่งคือไอศกรีมครับ ของผมเป็นรสนม กับรัมเรซิ่น หวานพอดี อร่อยมาก
ด้านนอก ในวันที่อากาศดีจะเห็น mt. yotei สวยๆ จากที่นี่ได้ด้วย
.
.
หลังจากเล่นสกีจนปวดไปทั้งตัวแล้ว เรื่องช้อปขาเที่ยวชาวไทยพลาดไม่ได้แน่นอน ที่ต้องช้อปก่อนกลับ หากไม่ไฟล์ทเช้า แนะนำให้มานอนที่เมืองซัปโปโรก่อนสักคืนนะครับ แต่หากมีไฟล์ทหลังเที่ยงเป็นต้นไปสามารถนั่งบัสตรงจานิเซโกะไปสนามบินได้เลย โดยมีรถรอบเช้าสุดเวลา 7:00 ถึงสนามบินประมาณ 10 โมงเช้าครับ แต่ถ้าใครต้องกลับเร็วกว่านั้นแนะนำให้หาพักที่ซัปโปโรก่อนดีกว่า ได้ชมแสงสี ได้ช้อปเบากๆ ก่อนกลับด้วย
เราอยากแนะนำโรงแรมเกสต์เฮาส์สำรับผู้ที่ไม่ต้องการอะไรมาก แค่นอนกับอาบน้ำ แล้วรีบไปสนามบินวันรุ่งขึ้น นั่นคือที่ THE STAY SAPPORO (http://thestaysapporo.com/) ครับ อยู่ใกล้แหล่งเที่ยวชื่อดังอย่างซูซูกิโนะ และถนนทานุกิโคจิที่ช้อปได้ถึงตี 1 ! อ่านบทความเต็ม ที่นี่
บริเวณห้องพักแบบ Dormitory ที่ได้เตียงที่กว้างพอสมควร
บริวณล็อบบี้ มีครัวให้ใช้ได้ฟรีครับ
.
・ช่วงฤดูหนาวมีบัสตรงจากสนามบินเข้าเมือง Niseko และส่งถึงหน้าโรงแรมเลย ราคาประมาณ 5,000yen
・สามารถเลือกพักในเมืองซัปโปโรก่อน 1 คืน จะเป็นก่อนไปนิเซโกะ หรือหลังกลับมาก็เป็นตัวเลือกที่ดี ที่จะได้ช้อปปิ้ง
・หิมะช่วงเช้าตรู่เป็นหิมะทีน่าเล่นที่สุด เพราะยังไม่มีคนเล่นเยอะ
・ค่าเดินทางโดยบัสจากซัปโปโร ไปนิเซโกะ อยู่ที่ 2,600yen/เที่ยว หากซื้อไปกลับจะเหลือ 4,500yen
・หากอยากประหยัด ให้ไปช่วงกลางธันวา หรือมีนาคม เพราะเลยช่วงพีคของนิเซโกะไปแล้ว
・บางลานสกีอาจเล่นได้ถึงปลายเมษา แต่จะเป็นหิมะเก่า เล่นไม่สนุกเท่าไหร่ครับ แต่ที่พักถูกลงได้อีก
・ชีสที่เป็นขนมที่ Milk Kobo อร่อยมาก เอากลับไทยไม่ได้เพราะต้องแช่เย็นตลอด แนะนำให้ทานเลย
・แนะนำเลยอยากให้ได้ลองสัมผัสหิมะแบบ Powder Snow กันสักครั้งนะครับ
・อีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีคือ แอพชื่อว่า “NISEKO” ที่รวมเอาอุณหภูมิ, การเปิดปิดลิฟท์, ภาพแบบเรียลไทม์, ร้านอาหาร ฯลฯ เป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ อันหนึ่งสำหรับ monitor ระหว่างการพักที่ NISEKO ครับ iOS โหลดที่นี่, Android โหลดทีนี่
.
หน้าตาแอพฯ NISEKO มีประโยชน์มากๆ อัพเดทรายวัน
.
.
.
NEXT RECOMMEND
Aug. 032016
Jul. 252019
คอลัมน์ท่องเที่ยวฮอกไกโด
LATEST
Nov. 21 2024