COLUMN

Dec. 09 2024

ทำอะไรดี? ที่ ‘ฮาโกดาเตะ’

เมืองฮาโกดาเตะ  ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวหลายๆคนที่มีความรักในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะเป็น เมืองท่าที่โรแมนติก ใกล้กับเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ฮอกไกโดชินคันเซนเดินทางมาถึง ถือเป็นเมืองที่เป็นประตูสู่ฮอกไกโดทางรถไฟเลยนั่นเองครับ แล้วในเมืองนี้นั้นมีอะไรกันล่ะ ที่ทำให้ผู้รักการเดินทางกว่าหลายล้านคนนั้นมาเยือน วันนี้จะมาแนะนำสถานที่ และกิจกรรมเด่นๆ ให้เพื่อนๆ กัน

การเดินทางจากซัปโปโร – ฮาโกดาเตะ
มี 3 วิธี คือ ทางเครื่องบิน รถไฟหรือบัส (ราคาแสดงโดยประมาณ)

  • เครื่องบิน  ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
  • รถไฟ  ใช้เวลาประมาณ 3 ชม 20 นาที
  • รถบัส  ใช้เวลาประมาณ 5 ชม 15 นาที

  

เดินทางสู่ฮาโกดาเตะ ด้วยชินคันเซนจากโตเกียว

ปัจจุบันนี้ เราสามารถนั่งยาวจากโตเกียว มาถึงฮาโกดาเตะได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งมี Pass ต่างๆ ของ JR มากมายให้ลองเลือกดูราคากันได้ เช่น ตั๋ว JR East-South Hokkaido Rail Pass 6 วันต่อเนื่องกัน 35,000yen  ก็ให้เราได้นั่งเที่ยวตั้งแต่ลงเครื่องที่โตเกียว นั่งรถไฟยาวๆ มาฮาโกดาเตะได้เลย  หรือจะต่อรถไฟเข้าไปถึงซัปโปโรก็ย่อมได้เช่นกัน   สำหรับฮอกไกโดชินคันเซน ภายนอกตัวชิงคันเซนนี้ตกแต่งด้วยสีม่วงเขียว ซึ่งเป็นสีของดอกลาเวนเดอร์ อันเป็นสัญลักษณ์ของฮอกไกโด ส่วนภายในออกแบบโทนของหิมะและดริฟไอซ์ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเกาะนี้

หน้าตาชินคันเซน ฮอกไกโด

การเดินทางในเมืองฮาโกดาเตะ 

การเดินทางหลักๆในเมืองสำหรับ ขาท่องเที่ยวนั้น จะเป็น รถราง ครับ โดยสถานีจะอยู่บริเวณเกาะกลางถนน สามารถส่องดูคนญี่ปุ่น แล้วทำตามได้เลย การขึ้นก็ไม่ยาก นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ใช้บริการกันเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องภาษาอังกฤษ ก็หมดห่วงแน่นอน  และที่ฮาโกดาเตะไม่มีรถไฟใต้ดิน หรือ JR วิ่งในตัวเมือง ดังนั้นใครใช้ JR Pass มาก็จะใช้ไม่ได้ ท่องเที่ยวในเมืองนี้ต้องหยุดใช้ Pass ไปวันหนึ่งเลยยังไงก็ลองคำนวนตารางการท่องเที่ยวให้ดี

รถราง อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองฮาโกดาเตะ


   เกริ่นมานาน  เอาล่ะ ทำอะไรดี ที่ฮาโกดาเตะ กับ 10 สถานที่ ที่ห้ามพลาด

.

.

(10) ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ

ตลาดเช้าอะซา-อิชิ (Asa-ichi morning market) เป็นตลาดที่ไม่ค่อยเหมือนตลาดในประเทศไทยเท่าไหร่ เพราะร้านค้าส่วนใหญ่นั้นอยู่ภายในอาคารอย่างดี แต่สามารถเรียกที่นี่ว่าตลาดสดได้เลย เนื่องจากรวมของสดๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลสดๆ ผักสดๆ ผลไม้สดๆ เมื่อมายังถิ่นของสดๆแบบนี้แล้วอย่าพลาด ชิราชิ-ซูชิ ซึ่งเป็นซูชิชนิดหนึ่ง โดยนำอาหารทะเลทั้ง กุ้ง ปลาหมึก เนื้อปู หอยเชลล์ และอื่นๆอีกมากมายมาโปะบนข้าว นอกจากนี้ยังมีแหล่งตกปลาหมึกสดๆ ใครตกได้ พ่อค้าจะแล่ให้กินทั้งทีตรงนั้นเลย 

ตลาดเช้าแสนคึกคัก มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายเรียกลูกค้าตลอดสาย


.

(9) โกดังอิฐแดงคาเนโมริ บริเวณอ่าว

โกดังอิฐแดงเก่าหรือRed Brick Warehouses มีอาคารอยู่ประมาณ 5-6 หลัง ซึ่งทำขึ้นมาใหม่หลังจากโกดังเก่าถูกไฟไหม้ไปแล้ว ภายในอาคารมีทั้งของที่ระลึกมากมายในฮอกไกโด เสื้อผ้า เครื่องประดับและของอื่นๆอีกมากมาย บริเวณด้านนอกถือว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยมากเลยทีเดียว เพราะตึกนี้ติดกับอ่าว มีทั้งเรือและวิวของภูเขาให้อารมณ์เหมือนอยู่ยุโรปเบาๆ  วันไหนอากาศดีเพื่อนๆ สามารถมาเดินเล่น ชมวิว ถ่ายรูปบริเวณนี้ได้  

ย่านนี้ เหมาะถ่ายรูป portait สวยๆ เลย


.

(8) โบสถ์ และเนินโมโตมาจิ

เนื่องจากได้รับอิทธิพลมาจากทางตะวันตก ทำให้สามารถเห็นโบสถ์คริสต์ได้ที่นี่ ซึ่งมีอยู่หลายที่พอสมควรได้แก่ โมะโตะมาจิ โบสถ์ออร์โธดอกฮาโกดาเตะ โบสถ์โรมันคาธอริกโมโตมาชิ โบสถ์ฮาโกดาเตะ และอื่นๆ ซึ่งที่ยอดฮิตหนีไม่พ้น 3 ที่แรกที่ได้กล่าวมาแต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นต่างกันไป เช่นที่โบสถ์โรมันคาธอริกโมโตมาชิ เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สถาปัตยกรรมแบบโกธิคสีขาวนวลยอดโบสถ์สีฟ้า ส่วนโบสถ์ออร์โธดอกฮาโกดาเตะเป็นโบสถ์สไตน์แบแซนไตน์ โดดเด่นที่หอระฆังทรง 8 เหลี่ยม แต่ละโบสถ์อยู่ไม่ห่างกันมาก สามารถเดินได้ แต่บางที่มีเสียค่าเข้าชม  

เนื่องจากโบสถ์ต่างๆ อยู่บริเวณเนินโมโตมาจิ ทำให้เราจะสามารถมองเห็นความงามของเมืองฮาโกดาเตะได้อีกด้วย

วิวจากเนิน เมื่อมองลงไปในเมือง ก็ช่วยให้การเดินเที่ยวหายเหนื่อยได้


.

(7) ศาลาประชาคมเก่า 

นอกจากโบสถ์แล้ว ที่นี่ยังมีศาลาประชาคมเก่าของฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงที่ได้ขึ้นเป็นมรดกสำคัญของชาติไปแล้วด้วย ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ตามสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลและอังกฤษคลาสสิค ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในสวนโมโตมาชิ นอกจากนี้ยังมี Old Brance Office of Hokkaido Government หรือ อาคารเก่าที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นฮอกไกโด ตั้งอยู่ที่เดียวกับศาลาประชาคม ที่นี่เป็นที่จัดแสดงภาพถ่ายประวัติศาสตร์การก่อสร้างตั้งเมือง

อาคารสีแปลกตา ที่พบเห็นไม่ได้ในที่อื่นๆ ของฮอกไกโด


.

(6) ป้อมโกเรียวคาคุ

ป้อม goryokaku เรียกได้ว่าเป็น 1 ในจุดเช็คพ้อยของฮาโกดาเตะเลยก็ว่าได้ เพราะป้อม 5 แฉกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยโชกุนตระโทกุงาวะ เกือบ160ปีที่แล้ว เพื่อใช้เป็นป้องกันในการรุกรานของข้าศึก ป้อมแห่งนี้สามารถมาชมความสวยงามได้ทุกฤดู ในฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้เห็นดอกซากุระกว่า 1600 ต้นบานสะพรั่งไปทั่วทั้งป้อม ฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง จะให้อารมณ์วินเทจไปอีกแบบ แต่ถ้าอยากได้วิวที่เหนเหลี่ยมของป้อม 5 แฉกนี้อย่างชัดเจน ต้องมาฤดูหนาวที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ให้อีกบรรยากาศ แต่การจะเหนป้อมนี้จากมุมสูง จะต้องขึ้นไปดูบนหอคอยโกเรียวคะคุ ค่าตั๋ว 1,000 เยน

หิมะปกคลุมทั่วสวนในฤดูหนาว


.

(5) วิวกลางคืน Mt. Hakodate

เขาฮาโกดาเตะ หรือ Mt.Hakodate ตอกย้ำความสวยด้วยด้วยวิวทัศน์ในยามค่ำคืนที่ติด 1 ใน 3 วิวยามค่ำคืนที่สวยสุดยอดในโลก วิวอะไรที่จะเห็นบนนี้บ้าง? เมื่อมองลงมาจะพบวิวของตัวเมืองฮาโกดาเตะ ที่มีน้ำทะเลขนาบอยู่ทั้งสองด้าน เหมือนไส้ของแซนวิชนั่นเอง  หรือบางคงก็บอกว่าเหมือนแอปเปิ้ลโดนกัดทั้งสองข้าง (เพื่อนๆ เห็นเป็นอะไรบ้างครับ?) เมื่อแสงของอาทิตย์นั้นลาไป ไฟตามหมู่บ้านก็เริ่มทยอยเปิดจนสามารถเห็นแสงระยิบระยับไปทั่ว การเดินทางขึ้นมาบนเขานี้ง่ายดายมาก แค่ขึ้นกระเช้ามาประมาณ 3 นาที อีกทั้งยังมีร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกให้บริการอีกด้วย  แนะนำว่ามาแต่หัวค่ำ จะได้เห็นการย้อมสีเมือง จากความสว่าง ไปเป็นความมืดแสนโรแมนติก

วิวอันดับโลก ที่ใครมาฮาโกดาเตะ จะพลาดไม่ได้


.

(4) ร้านเบอร์เกอร์ LUCKY PIERROT

นอกจากอาหารทะเลสดๆที่ขึ้นชื่อของที่นี่แล้ว ยังมีร้านเบอร์เกอร์ที่มีจุดเด่นในการตกแต่งร้านอย่างชัดเจน นั่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ LUCKY PIERROT ที่แปลว่าเจ้าตัวตลกผู้โชคดีที่ฮาโกดาเตะ ร้านนี้เป็นกึ่งอาหารจานด่วนที่อร่อยไม่เหมือนใคร เพราะเนื้อนั้นชิ้นใหญ่ไส้ทะลักสะใจในเมนูแฮมเบอเกอร์ นอกจากนั้นยังมีข้าวแกงกะหรี่พร้อม topping ด้วยหมูชิ้นใหญ่,เฟรนฟรายราดด้วยชีสสส เมนูที่ฮิตเป็นอันดับ 1 เลยนั่นคือ チャイニーズチキンバーガー หรือ Chai-nī-zu-chi-kin-bā-gā หรือ แฮมเบอร์เกอร์ซอสไก่จีน เป็นไก่ทอดที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำซอส หวาน แอบมีเปรี้ยวอยู่นิดๆ นอกจากนี้ เมนูราเมงของที่นี่ตัวน้ำซุปนั้นเป็นเอกลักษณ์โดยจะมีรสเค็มอ่อนๆ ของเกลือ นอกจากจะใส่เนื้อไก่หรือหมูแล้ว จะมีการเติมสาหร่ายหรืออาหารทะเลลงไปด้วย ทำให้เกิดรสชาติแบบดั้งเดิมที่ใครได้ทานแล้วจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

อร่อยมากกกก ชิ้นนี้ คอนเฟิม


.

(3) ชิโอะ ราเมง

ฮอกไกโดราเมง มีราเมงที่ขึ้นอยู่ 3 น้ำซุป คือ มิโซะ, โชยุ, และชิโอะ (ซุปเกลือใส)  โดยซุปมิโซะนั้น เป็นของเด่นของเมืองซัปโปโร, ซุปแบบโชยุนั้น เป็นจานเด่นของเมืองอาซาฮีกาวะ, ส่วนน้ำซุปใส หรือ ซุปชิโอะนั้น เป็นเมนูชื่อดังแห่งเมืองฮาโกดาเตะนั่นเอง จุดเด่นคือ มีน้ำใส รสชาติเป็นมิตรกับทุกวัย และทานง่าย ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้เดินเที่ยวต่อในช่วงฤดูหนาวได้  เมื่อเพื่อนๆมาเที่ยวฮาโกดาเตะ จะพบกับร้านราเมงที่มีซุปชิโอะจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก อย่าลืมลองถามโรงแรมที่พักอยู่ ว่ามีร้านไหนเด็ดๆ อยู่ใกล้บริเวณบ้างนะครับ

หน้าตาราเมงซุปเกลือ หรือชิโอะราเมง


.

(2) สวนพฤษศาสตร์เมืองร้อน

หลายๆ คน คงเคยเห็นภาพลิงญี่ปุ่นแก้มแดง แช่น้ำร้อนอย่างฟินๆ กัน ที่ฮอกไกโด หาชมได้ที่สวนพฤษศาสตร์เมืองร้อนเมืองฮาโกดาเตะนั่นเอง (Tropical Botanical Garden) ปกติแล้วที่นี่จะแสดงพรรณไม้เมืองร้อนในโดมใหญ่ ซึ่งเราจะคุ้นเหล่าต้นไม้ได้ดี เพราะเป็นต้นไม้คล้ายๆ บ้านเรา เนื่องจากไทยก็เขตร้อนเหมือนกัน ทีเด็ดที่นี่ก็คือ ลิงแช่น้ำร้อน ช่วงฤดูหนาว ยาวไป ถึงเดือน พ.ค. ให้เพื่อนๆ ได้แวะมาดูหน้าฟินๆ ถ่ายรูปพวกมันได้อย่างสบายใจ

ลิงแช่น้ำร้อน ฟินๆ ดูได้ยาวๆ ตลอดหน้าหนาว


.

(1) สายน้ำแร่ ยูโนะ คาวะ

ยูโนะคาวะ ออนเซ็น (湯の川温泉) ถือเป็น ออนเซ็นอันดับต้นๆ ของเกาะฮอกไกโด จุดเด่นคือ มีน้ำแร่ใต้ดินที่อยู่ใกล้ทะเล จึงทำให้มีโรงแรม เรียวกัง รีสอร์ท สวยๆ มากมายเรียงรายอยู่บริเวณอ่าว  ใครที่งบน้อย ไม่อยากเข้าพัก ก็สามารถลองหาโรงแรมที่บริการออนเซ็นแบบ เดย์ทริป ได้ ซึ่งบางแห่งอาจไม่มีผ้าเช็ดตัวให้บริการ (มีให้เช่า) นอกจากนี้ บริเวณสถานีรถราง ยูโนะคาวะ มีที่แช่เท้าฟรี ให้กับคนที่ยังไม่ชินกับการแช่ออนเซ็นรวมด้วยนะครับ  ด้วยความที่โรงแรมต่างๆ อยู่ใกล้ทะเล และไม่ไกลจากตลาดเช้า เรื่องอาหารของแต่ละที่ก็ต้องสด ต้องอร่อยเด็ดไม่แพ้กันอย่างแน่นอน อย่าลืมมองหาที่พักวิวดีๆ กับการแช่ออนเซ็นพร้อมมองวิวทะเลให้ฟินกัน

หลังจากเดินเที่ยวเล่นมาทั้งวัน การแช่น้ำร้อนชื่อดัง ก็เป็นตัวเลือกที่ดี


ส่งท้ายกับเมืองฮาโกดาเตะ

เมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่มาก ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวได้หมดแล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าการใครมาเที่ยวแบบมาไวไปไว ได้ดูแค่วิวกลางคืนบนยอกเขาฮาโกดาเตะก็คุ้มแล้ว เพราะสวยมากและโรแมนติกสุดๆ เมืองนี้ยังเที่ยวได้ทุกฤดูอีกด้วย แต่ลมอาจจะแรงกว่าที่อื่นหน่อยเพราะติดกับทะเล นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่ได้รับอิทธิพลจากชาติตะวันตกทำให้สิ่งก่อสร้างไม่ค่อยเหมือนญี่ปุ่นเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ โกดัง อ่าวท่าเรือหรือสถานที่อื่นๆ เวลาถ่ายรูปออกมาเหมือนไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่น ให้บรรยากาศเก๋ๆไปอีกแบบ

ถ้าเทียบกับซัปโปโรแล้ว ที่นี่เป็นเมืองที่เงียบกว่า การเดินทางใช้รถรางหรือบัสเป็นส่วนใหญ่ ใครชอบความชิล ความเก๋ มองวิวเพลินๆ ก็แนะนำอย่างยิ่งเลยครับ สำหรับใครที่ชอบความคึกคัก อาจไม่ชอบมากก็ได้ เพราะดึกๆ อาจไม่มีอะไรให้ทำมากนัก 

แนะนำเว็บการท่องเที่ยวฮาโกดาเตะ

.

.

Discover Cool Things!

Trippino HOKKAIDO

LATEST

Dec. 13 2024

Day Trip เที่ยว 1 วัน : Asahikawa – Biei 2025