COLUMN

Jul. 25 2025

ลุย “โยอิจิ” เมืองแห่งผลไม้และวิสกี้ วันเดียวก็ฟินได้


วันเดียวก็ฟินได้! ลุย “โยอิจิ” เมืองแห่งผลไม้และวิสกี้

เพื่อนๆ คนไหนมาเที่ยวฮอกไกโด แล้วอยากสัมผัสอะไรที่แตกต่างออกไปจากซัปโปโร หรือโอตารุบ้าง? ผมขอแนะนำ “โยอิจิ” (Yoichi) ครับ! เมืองเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโอตารุ และขับรถจากซัปโปโรไปแค่ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง โยอิจิเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องผลไม้สด วิสกี้ระดับโลก และบรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวโยอิจิแบบจัดเต็ม 1 วัน ด้วยรถเช่ากัน รับรองว่าได้ทั้งรูปสวยๆ ได้ชิมของอร่อย และได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แน่นอน


เช้าตรู่: ออกเดินทางจากซัปโปโร มุ่งหน้าสู่โยอิจิ

ตื่นเช้ามา ทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย รับรถเช่าแล้วขับรถออกจากซัปโปโรกันครับ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – 1:30 ชั่วโมง (เผื่อแวะข้างทางไปเรื่อยๆ ) เราก็จะเข้าสู่เขตเมืองโยอิจิแล้วครับ


1. Nikka Whisky Yoichi Distillery: เปิดโลกวิสกี้ระดับโลก

พอถึงโยอิจิ ปักหมุดที่แรกที่เราจะไปคือ โรงกลั่นวิสกี้ Nikka Whisky Yoichi Distillery เลยครับ ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงกลั่นธรรมดาๆ แต่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่บอกเล่าเรื่องราวของวิสกี้ญี่ปุ่นได้ดีเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่ง บรรยากาศของโรงกลั่นที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเราหลุดเข้าไปในยุโรปเลยครับ อาคารเก่าแก่ที่ทำจากหินและอิฐแดง มีปล่องไฟสูงเด่นเป็นสง่า ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียวขจี เป็นอะไรที่คลาสสิกและสวยงามมากจริงๆ ครับ

ทำไมวิสกี้จากโยอิจิถึงมีชื่อเสียง

เรื่องราวเริ่มต้นจาก มาซาทากะ ทาเคะสึรุ (Masataka Taketsuru) ผู้บุกเบิกวิสกี้ญี่ปุ่น ที่เดินทางไปเรียนรู้การทำวิสกี้ต้นตำรับถึงสกอตแลนด์ และเมื่อกลับมาญี่ปุ่น เขาก็ออกตามหาทำเลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างโรงกลั่นวิสกี้ของตัวเอง จนมาพบกับ โยอิจิ เมืองที่มีภูมิอากาศคล้ายคลึงกับสกอตแลนด์อย่างไม่น่าเชื่อ! ทั้งอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างฤดูหนาวที่หนาวจัดและฤดูร้อนที่อบอุ่น น้ำที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ และอากาศที่เย็นสบายตลอดปี ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตวิสกี้คุณภาพเยี่ยม ด้วยความมุ่งมั่นและความหลงใหล ทำให้วิสกี้ Nikka จากโยอิจิโด่งดังไปทั่วโลกและได้รับการยอมรับในระดับสากล

ที่นี่คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมโรงกลั่นได้ฟรี (แนะนำจองล่วงหน้า) ซึ่งจะพาเราไปทำความเข้าใจกระบวนการผลิตวิสกี้ ตั้งแต่การหมัก การกลั่น ไปจนถึงการบ่มในถังไม้โอ๊ค และไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือ การชิมวิสกี้ หลังจากเดินชมจนทั่ว คุณจะได้ลองชิมวิสกี้ Nikka ฟรี 2-3 ชนิด (เฉพาะผู้ใหญ่) ส่วนใครที่ขับรถมาก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ทางโรงกลั่นมีน้ำผลไม้ หรือชาให้ดื่มแทนได้ แถมยังมีวิสกี้ตัวพิเศษให้ซื้อกลับบ้านเป็นของฝากได้อีกด้วย

  • จุดน่าชม/ถ่ายรูป: มุมถ่ายรูปยอดฮิตคือบริเวณด้านหน้าทางเข้าที่มีโลโก้ Nikka Whisky, อาคารหินเก่าแก่, และโซนถังบ่มวิสกี้
  • พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Htaem7AfoN4Dhzxc6
  • เว็บไซต์: https://www.nikka.com/distilleries/yoichi/

2. Road Station Space Apple Yoichi: ช้อปผลไม้สดๆ และของฝากจากท้องถิ่น!

หลังจากดื่มด่ำกับเรื่องราวของวิสกี้แล้ว ก็ได้เวลาไปช้อปของอร่อยกันบ้าง! แวะที่ Roadside Station Yoichi (道の駅 余市) กันครับ ที่นี่คือแหล่งรวมสินค้าเกษตรและของฝากจากโยอิจิเลยก็ว่าได้!

โยอิจิเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้มากๆ ครับ โดยเฉพาะ แอปเปิ้ล  เชอร์รี่  และ องุ่น  ในช่วงฤดูร้อน คุณจะได้เห็นผลไม้สดๆ วางขายเต็มไปหมดในราคาที่น่ารักมากๆ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้ เช่น แยม, น้ำผลไม้, ไวน์, และซอฟต์ครีมรสผลไม้ตามฤดูกาลอีกด้วย (ซอฟต์ครีมแอปเปิ้ลอร่อยมาก!) ผมแนะนำให้ซื้อผลไม้สดๆ ไปทานระหว่างทาง หรือซื้อของฝากที่ไม่เหมือนใครกลับบ้านครับ


3. Yoichi Space Dome (Spacedome): ตะลุยอวกาศที่บ้านเกิดนักบินอวกาศ!

ใกล้ๆ กับ Roadside Station Yoichi เลยครับ ผมอยากแนะนำให้แวะที่ Yoichi Space Dome (Spacedome)  ที่นี่เป็นศูนย์เรียนรู้และท้องฟ้าจำลองที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ คุณมาโมรุ โมริ (Mamoru Mohri) นักบินอวกาศคนแรกของญี่ปุ่นที่ได้เดินทางไปกับกระสวยอวกาศ Space Shuttle ของ NASA ซึ่งเป็นชาวโยอิจิโดยกำเนิด!

ภายใน Spacedome คุณจะได้เรียนรู้เรื่องราวของอวกาศ ดวงดาว และเทคโนโลยีอวกาศต่างๆ ผ่านนิทรรศการที่น่าสนใจ และไฮไลต์คือการชมภาพยนตร์ใน ท้องฟ้าจำลอง ที่จะพาคุณออกเดินทางท่องไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในอวกาศจริงๆ เป็นกิจกรรมที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆ หรือใครที่ชื่นชอบเรื่องราววิทยาศาสตร์และอวกาศ รับรองว่าจะต้องตื่นตาตื่นใจแน่นอน

  • จุดน่าชม/ถ่ายรูป: โซนจัดแสดงนิทรรศการอวกาศ, ภายในท้องฟ้าจำลอง (ถ้าได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ)
  • พิกัด: https://maps.app.goo.gl/uvGE2nqYmHwsFs9R7
  • เว็บไซต์: https://spacedome.jp/

เที่ยง: มื้อกลางวันแสนอร่อยในเมือง

สำหรับมื้อกลางวันในโยอิจิ มีตัวเลือกอร่อยๆ ให้เลือกหลายแบบ:

  • ร้านอาหารทะเลสดๆ: โยอิจิอยู่ติดทะเล ดังนั้นร้านอาหารทะเลก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีครับ คุณจะได้ลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ ที่จับได้จากท่าเรือใกล้ๆ
  • ร้านโซบะ/อุด้งท้องถิ่น: หากอยากได้อะไรง่ายๆ สบายๆ ร้านโซบะหรืออุด้งก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
  • ฟาร์มผลไม้ที่มีร้านอาหาร: บางฟาร์มในโยอิจิก็มีร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟเมนูจากผลผลิตของฟาร์มเอง บรรยากาศน่ารักและอาหารก็สดใหม่ครับ

อาหารทะเลสดๆ จากร้าน Family Sushi Garden House

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/9NZuCcha7VW3c4ih8


บ่าย: สัมผัสประสบการณ์เก็บผลไม้สดๆ จากฟาร์ม

มาถึงโยอิจิทั้งที จะพลาดกิจกรรมสุดฟินอย่างการ เก็บผลไม้ ได้ยังไงครับ โยอิจิมีฟาร์มผลไม้มากมายที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเก็บผลไม้สดๆ จากต้นได้เอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สนุกและประทับใจมากๆ ครับ ผลไม้แต่ละชนิดจะมีช่วงเวลาให้เก็บที่แตกต่างกันไป ดังนี้ครับ:

  • เชอร์รี่ (Cherry) : มิถุนายน – กรกฎาคม เป็นช่วงที่เชอร์รี่กำลังสุกงอม สีแดงสด ลูกโต หวานฉ่ำ เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงต้นฤดูร้อน
  • พีช (Peach) : สิงหาคม ลูกพีชเนื้อนุ่ม กลิ่นหอมหวาน
  • แอปเปิ้ล (Apple) : กันยายน – พฤศจิกายน แอปเปิ้ลหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งฟูจิ โทคิ และอื่นๆ หวานกรอบ อร่อย
  • องุ่น (Grape) : กันยายน – ตุลาคม องุ่นหวานๆ ที่เหมาะกับการนำไปทำไวน์ หรือทานสดๆ ก็อร่อยมากครับ

ฟาร์มแนะนำ:

  • Nitori Tourist Orchard: ฟาร์มใหญ่ที่มีผลไม้หลากหลายชนิดให้เก็บตลอดฤดู และมีร้านค้าขายผลิตภัณฑ์แปรรูปด้วยครับ

คำแนะนำ: ควรตรวจสอบเว็บไซต์ของฟาร์มผลไม้ล่วงหน้า เพื่อดูว่าช่วงที่คุณไปมีผลไม้อะไรให้เก็บ และควรจองคิวล่วงหน้าหากเป็นไปได้ครับ


4. Yoichi Winery: ชิมไวน์คุณภาพเยี่ยมบนเนินเขาวิวสวย

นอกจากวิสกี้และผลไม้แล้ว โยอิจิยังเป็นแหล่งผลิต ไวน์ ที่มีชื่อเสียงอีกด้วยนะครับ! แวะมาที่ Yoichi Winery ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของไร่องุ่นที่สวยงาม มองเห็นวิวเมืองโยอิจิและทะเลได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นจุดที่เหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ ครับ 

ที่นี่เราสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมโรงบ่มไวน์ และที่สำคัญคือได้ ชิมไวน์ ที่ผลิตจากองุ่นท้องถิ่นของโยอิจิเองครับ มีไวน์หลากหลายชนิดให้เลือกชิม ทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว และไวน์ผลไม้ ซึ่งแต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รับรองว่าถูกใจคนรักไวน์แน่นอน หรือถ้าใครไม่ได้ดื่มไวน์ ก็สามารถซื้อน้ำองุ่นแท้ๆ หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับไวน์กลับไปเป็นของฝากได้ครับ บรรยากาศเงียบสงบและวิวสวยๆ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะกับการมาพักผ่อนและดื่มด่ำกับธรรมชาติครับ


5. ขับรถลัดเลาะชมเมือง : สัมผัสเสน่ห์เมืองเล็กๆ 

หลังจากเที่ยวชมสถานที่หลักๆ แล้ว ลองขับรถวนเล่น หรือจอดรถแล้วเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศเมืองโยอิจิดูบ้างครับ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีถนนสายหลักที่เงียบสงบ มีร้านค้าท้องถิ่นเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ บางทีคุณอาจจะเจอร้านกาแฟน่ารักๆ หรือร้านขายของฝากที่ไม่เหมือนใครก็ได้นะครับ การเดินเล่นชิลล์ๆ ในเมืองช่วยให้เราได้ซึมซับวิถีชีวิตและเสน่ห์แบบท้องถิ่นจริงๆ


6. Ebisu Rock and Daikoku Rock: ชมหินแปลกตา ริมทะเลโยอิจิ

ก่อนที่แสงจะหมดวัน อย่าลืมแวะไปชม Ebisu Rock and Daikoku Rock (エビス岩・大黒岩)  สองก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลใกล้ชายฝั่ง เป็นจุดที่น่าสนใจและสวยงามสำหรับการชมวิวทะเลและถ่ายภาพ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกดิน บรรยากาศจะยิ่งงดงามครับ เป็นอีกหนึ่งจุดที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในโยอิจิครับ


เย็น: ของฝากห้ามพลาด และเดินทางกลับซัปโปโร!

ก่อนกลับ อย่าลืมซื้อของฝากขึ้นชื่อของโยอิจิกลับบ้านนะครับ!

  • แอปเปิ้ลพาย: แอปเปิ้ลพายของโยอิจิขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย เพราะใช้แอปเปิ้ลสดๆ จากท้องถิ่น ที่ร้านเบเกอรี่หลายแห่งจะมีแอปเปิ้ลพายสูตรเฉพาะของตัวเอง สามารถแวะซื้อได้ตามร้านเบเกอรี่ท้องถิ่นในเมืองนี้ ลองแวะชิมและซื้อกลับไปเป็นของฝากได้เลยครับ บางร้านอาจจะบอกว่าต้องซื้อที่นี่เท่านั้นถึงจะได้รสชาติที่ดีที่สุดนะครับ 
  • ผลิตภัณฑ์จากองุ่นและไวน์: โยอิจิขึ้นชื่อเรื่ององุ่นและไวน์ ลองเลือกซื้อไวน์ท้องถิ่น หรือน้ำองุ่น 100% เป็นของฝากได้
  • สินค้าจาก Nikka Whisky: นอกจากวิสกี้แล้ว ยังมีขนมที่ผสมวิสกี้ หรือสินค้าที่ระลึกต่างๆ ให้เลือกซื้อด้วยครับ

เป็นไงบ้างครับกับทริปเที่ยวโยอิจิ 1 วันด้วยรถเช่า หวังว่าจะเป็นไอเดียใหม่ๆ ให้เพื่อนๆ ได้ออกไปสัมผัสเสน่ห์ของฮอกไกโดในมุมที่แตกต่างออกไปนะครับ! โยอิจิเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีอะไรน่าสนใจเยอะมากจริงๆ ถ้ามีโอกาส อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะครับ

LATEST

Jul. 25 2025

ลุย “โยอิจิ” เมืองแห่งผลไม้และวิสกี้ วันเดียวก็ฟินได้