ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในแนวเปลือกโลกใหม่ มีภูเขาไฟครุกรุ่นอยู่มากมาย ทำให้ได้รับผลพลอยได้คือ "น้ำพุร้อนจากใต้ดิน" การแช่น้ำร้อนของชาวญี่ปุ่น เป็นวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เมื่อเรามีโอกาสได้ไปเห็นบ้านของชาวญี่ปุ่น หรือไปพักตามโรงแรมต่างๆ ไม่ว่าจะแคบแค่ไหน อย่างน้อยก็จะมีห้องอาบน้ำ ที่มี 'อ่าง' ให้แช่น้ำร้อนด้วยแน่ๆ จึงสังเกตได้ว่า คนญี่ปุ่น กับการแช่น้ำร้อนนั้น เป็นสิ่งคู่กัน บ้างก็ว่าเอาไว้คลายเครียดจากการทำงาน บ้างก็ว่าช่วยให้สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น หรือไม่ก็ช่วยให้หาจากความเมื่อยล้าจากการดำเนินชีวิต 
วันนี้ทีมงาน Trippino Hokkaido (ทริปปิโน่ ฮอกไกโด) จะแนะนำเกี่ยวกับแหล่งแช่ออนเซ็นชั้นนำของฮอกไกโด นั่นก็คือ "Noboribetsu Onsen" (โนโบริเบทสึ ออนเซ็น 登別温泉) เมืองโนโบริเบทสึออนเซ็น เป็นเมืองกลางหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ว่ากันว่าที่นี่เป็นเหมือน "ห้างสรรพสินค้า" ของออนเซ็นเลยทีเดียว เพราะเขาบอกว่าน้ำแร่ของที่นี่ มีความแตกต่างกันถึง 9 แบบ ซึ่งแร่ธาตุที่มีอยู่ก็เช่น กำมะถัน, เกลือ, โซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น เลือกแช่กันตัวเปื่อยได้เลย เราเดินทางโดยรถยนต์จากซัปโปโร ขึ้นทางด่วน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที (117km) ออกทางด่วนที่ Noboribetsu Higashi IC จากนั้นแล่นผ่านป่าเขาในฤดูใบไม้ผลิ ที่ต่างผลิใบเขียวสีอ่อนใหม่ออกมา ดูแล้วสดชื่นมาก เราก็มาถึงเมือง Noboribetsu Onsen จะเห็นว่าที่นี่เป็นเนินเล็กๆ ในหุบเขา มีโรงแรมเรียงรายกันอย่างมากมาย จริงๆ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่อะไรนัก ให้นึกถึงหุบเขาที่มีโรงแรมออนเซนมารวมกันเยอะๆ มีร้านสะดวกซื้อ จะเห็นแขกเข้าพักแต่ละโรงแรมใส่ยูกะตะออกเดินกันตามถนน ให้อารมณ์ชิลๆ รีแลกซ์ ผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกตากว่าที่อื่นๆ
บริเวณเมืองเล็กๆ แสนชิล
หลังจากถึงจุดหมาย เราเข้าพักที่โรงแรมไดอิจิ ทากิโมโตคัง (第一滝本館) โรงแรมที่อยู่ใกล้บริเวณหุบเขานรก (จิโกคุดานิ 地獄谷) ที่สุด! ที่นี่มีห้องพักกว่า 300 ห้อง มีห้องแช่น้ำแร่ที่กว้างมากๆ คือ แบ่งเป็น 2 ชั้น น้ำแร่ 7 แบบ และอ่างน้ำแร่แบบกลางแจ้งให้ด้วย (Tip1, 2) เมื่อเข้ามาในโรงแรม เราได้รับการต้อนรับแบบญี่ปุ่น พนักงานพาเราไปยังห้องพัก และอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ทราบ โดยแจ้งเรื่องการใช้บริการต่างๆ เวลารับประทานอาหารเช้า-เย็น เป็นต้น เราสามารถเปลี่ยนเป็นยูกะตะ ใส่ออกไปเดินเล่นข้างนอกได้เลย หรือไปแช่ออนเซ็นเลยก็ได้ 
(ด้านหน้าโรงแรมไดอิจิ ทากิโมโตคัง)
โรงแรมไดอิจิ ทากิโมโตคัง แห่งนี้ สร้างด้วยรัก และเพื่อการมีสุขภาพที่ดี เป็นกิจการยาวนานมาก มีความเป็นมากว่า 150 ปีแล้ว มีประวัติย่อๆ ของที่นี่คือ คุณทากิโมโต มีภรรยาเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง จนเขาได้เดินทางมาเจอแหล่งน้ำร้อนที่หุบเขานี้ และคิดว่าให้ภรรยาแช่ต้องหายแน่ๆ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ภรรยาเขาหายจากโรคผิวหนัง คุณทากิโมโต เลยเริ่มสร้างออนเซ็นที่นี่ เพื่อแบ่งปันให้แก่คนอื่นๆ ได้ร่วมใช้กัน ทำให้แหล่งน้ำแร่จากโนโบริเบทสึมีชื่อเสียงขึ้น เกิดความนิยมมากมาย จนเริ่มมีโรงแรม, เรียวกังต่างๆ ผุดขึ้นมารอบๆ นับแต่นั้นมา
อย่างที่บอกไปแต่ต้นว่า โรงแรมนี้อยู่ใกล้กับหุบเขานรก จิโกคุดานิมาก ทำให้เดินไปแค่ 3 นาทีก็ถึง ระหว่างทางสามารถเห็นพื้นดินที่มีควันไอน้ำ ผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ หรือท่อระบายน้ำที่มีไอน้ำแรงดันสูง ดันออกมารัวเหมือนจังหวะกลอง อย่างลืมแวะถ่ายรูปนะ บริเวณจุดชมวิวมักมีรถบัสนักท่องเที่ยวมาจอดตลอดเวลา รอบนี้เราเจอกับนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน (บางครั้งอาจมีทัวร์ชาวไทยแวะมา) ชื่อว่า "หุบเขานรก" ก็มาจากภาษาญี่ปุ่น จิโกคุ=นรก, ดานิ=หุบเขา นั่นเอง คือ เดินๆ มีควัน มีไอร้อนพุ่งเป็นระยะๆ เปรียบเหมือนว่าเดินอยู่ในนรก (พวกเราก็ยังไม่เคยไปนรกหรอกนะ) 
(ควันไอน้ำ พุ่งอยู่บริเวณทางไปหุบเขานรก)
(บริเวณนี้ น้ำเดือดๆ จะพุ่งๆ ได้ยินเสียงเหมือนกลองรัว)
(ร้านค้า จุดบริการนักท่องเที่ยวก่อนเดินไปหุบเขานรก)
ทัวร์ส่วนใหญ่จะเดินไปชมบริเวณที่เป็นบ่อน้ำแร่ผุด ตรงปลายสุดของหุบเขานรก แต่เรามีเวลามากหน่อย เพราะค้างคืนที่นี่ เลยแวะไปเดินเล่นที่อื่นต่อได้ เมื่อเดินไปจนสุด จะพบกับบ่อน้ำแร่ผุด ที่จะผุดขึ้นเป็นช่วงเวลาแบบไม่แน่ไม่นอน ตอนเราไปช่วงเย็นไม่มีการผุดเลย แต่พอไปช่วงเช้า ผุดอยู่เป็นพักๆ ดังนั้นคงต้องอาศัยโชคแล้วล่ะ 
ทางเดินไปตรงตาน้ำแร่
ตาน้ำ หน้าตาบ่อน้อยๆ ที่เริ่มแห้ง เตรียมผุดพุ่งขึ้น
บริเวณนี้ จะมีทางเดินชมธรรมชาติ ให้เราได้เดินกันเป็นคอร์สสั้นๆ ไม่ต้องกลัวหลง เพราะว่ามีป้ายบอกทาง ดูง่ายๆ ให้ตลอดทุกทางแยก เราไม่รีรอ เดินเล่นกัน ไปเรื่อยเปื่อย ทางเดินทุกอย่าง ทำออกมาดีมาก ไม่อันตรายเลย แต่ก็พอเรียกเหงื่อได้เหมือนกัน เดินลัดเลาะ ขึ้นบันไดที่ทำไว้อย่างดีจนมาทะลุถนนอีกฝั่ง ขึ้นไปต่ออีกหน่อย (Tip3) จะเจอกับจุดชมวิวโอยุนุมะ (大湯沼) โอยุนุมะ (大湯沼) เป็นหนองน้ำที่มีน้ำแร่ผุดขึ้นมาจากภายใน มีควันและกลิ่นกำมะถันลอยอยู่โดยรอบ น้ำบริเวณผิวด้านหน้า ร้อนประมาณ 40-50 องศา ส่วนที่ลึกลงไปนั้นร้อนกว่า 130 องศา 
ร้อน และอันตรายมาก อย่าโดดลงไปเป็นอันขาด
ไอร้อน พวยพุ่งออกมาจากดิน หน้าทะเลสาบโอยุนุมะ
นอกจากโอยุนุมะแล้ว ที่บริเวณทางศึกษาธรรมชาตินี้ยังมีจุดที่น่าสนใจ (และฟรี) ก็คือจุดแช่เท้าโอยุนุมะออนเซ็น (โอยุนุมะกาวะออนเซ็นอาชิยุ 大湯沼温泉足湯) เป็นจุดที่น้ำแร่จากโอยุนุมะไหลลงมาเป็นลำธาร มีที่นั่งให้แช่เท้ากันได้ โดยบริเวณนี้น้ำจะอุณหภูมิประมาณ 40 องศา กำลังดี จะแวะพักคลายเมื่อยก่อนเดินกลับก็ดีไม่น้อย 
ระหว่างทางเดินกลับ จะเห็นโรงแรมที่เข้าพักอยู่ติดแหล่งน้ำแร่ที่สุด
หลังจากเดินยืดเส้นยืดสาย เรากลับโรงแรม เพื่อแช่น้ำร้อน จากห้องพักไปออนเซ็น ทำให้รู้ว่าที่นี่กว้างมากกกกก เราผ่านล็อบบี้ ผ่านร้านอาหาร เจอกับร้านของที่ระลึก เดินไปเรื่อยๆ จนนึกว่าหลงทางแล้ว แต่แน่นอน ยิ่งเดินไปก็จะได้กลิ่นกำมะถันแรงขึ้นๆ ทำให้รู้ได้ว่ามาถูกทางแล้ว ที่นี่มีบ่อน้ำแร่มากมายหลายแบบ เมื่อเดินเข้าไปเราตะลึงกับความอลังการของออนเซ็นแห่งนี้มาก มันกว้างใหญ่กว่าที่คิดไว้ มีบ่อให้เลือกมากมาย หลายขนาด หลายอุณหภูมิ ที่สำคัญมีถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว มีธารน้ำเย็นให้ลงไปเดินวนๆ พร้อมหินปูพื้นช่วยนวดเท้า หรือใครปวดไหล่บ่า ก็มีน้ำแร่ที่ไหลตกมาจากที่สูงให้เอาไหล่ไปรองเพื่อช่วยนวด ในโซนของบ่อกลางแจ้ง ทำได้ดีเช่นกัน น้ำแร่ด้านนอก (บ่อชาย) เป็นสีขาวขุ่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ลองเอามือลูบผิวตัวเองดูจะรู้สึกลื่นๆ ใครอยากผิวสวยก็แช่นาน ๆ รับรองผุดผ่อง แบบชาวญี่ปุ่นแน่ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำแร่สีชา ให้กลิ่นหอมสมุนไพรอยู่ใกล้กันด้วย ยังไม่พอ ที่นี่ยังสามารถสั่งเบียร์เย็นๆ มาจิบไปพร้อมแช่ออนเซ็นไปด้วยกันได้อีกด้วย!!! ฟิน (Tip4, 5) หลังจากแช่ออนเซ็นกันหนำใจ ที่นี่ยังมีบริการอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ คือแบบ ห้องอาหารที่นี่ใหญ่มากกกก เพราะต้องรองรับแขกจำนวนมาก แต่ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นั่ง แต่ละห้องทางโรงแรมจะกำหนดโต๊ะไว้ให้แล้ว อาหารที่นี่โอเคเลย มีขาปูยักษ์ให้กินแบบไม่อั้นด้วย เครื่องดื่มจ่ายแยก 
ตัวอย่างที่ตักมาทานกัน
ความใส่ใจของคนญี่ปุ่นนั้น ทำให้ต่างชาติแบบเราๆ ประทับใจกันอยู่เสมอ ระหว่างที่ทานอาหารนั้น เจ้าหน้าที่ได้มาทำการปูที่นอนให้เรียบร้อย พร้อมจัดรองเท้าสวยงาม การบริการแบบนี้สิที่ได้ใจใครต่อใครไปนัก
กินอิ่มก็พร้อมนอน
สำหรับมื้อเช้า จะเป็นอาหารแบบเบาๆ แต่ก็เยอะเหมือนกัน เพราะมีให้เลือกเยอะมากๆ ใครจะทานก่อน หรือไปลงออนเซ็นอีกรอบ ชมวิวหุบเขานรกอีกครั้งก็ไม่ว่ากัน.
--------------------------------------------------------------------------------
Tips ต่างๆ รู้ไว้ไม่เสียหลาย
จากซัปโปโร ไป Noboribetsu Onsen นอกจากรถยนต์แล้วยังสามารถ ・ขึ้นรถไฟ JR ลง JR Noboribetsu 1 ชั่วโมง 10 นาที จากนั้นต่อรถบัสเข้าไปอีก 14 นาที จากสนามบินนิวชิโตเสะ ไปยัง Noboribetsu Onsen ・ขึ้นรถบัส รอบเที่ยง ยาวไปลงหน้าออนเซ็นเลย, 1 ชั่วโมง 5 นาที (มีวันละเที่ยว) ・ขึ้นรถไฟ JR จากสนามบิน เปลี่ยนขบวนที่ สถานี Minami Chitose นั่งยาวไป 43 นาที ลง JR Noboribetsu ต่อรถบัสเข้าไปอีก 14 นาที Tip1 : อ่างน้ำแร่ที่ไดอิจิ ทาคิโมโตคัง สามารถมองเห็นไกลไปถึง บริเวณหุบเขานรก จิโกคุดานิ ได้เลย Tip2 : หากของในห้องโรงแรม ราคาแพง แนะนำให้ออกไปร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ มีทุกอย่างที่คุณต้องการในราคาที่รับได้ Tip3 : ใครจะเดินชมธรรมชาติบริเวณภูเขา อย่าริอาจใส่ยูกาตะจากโรงแรมมา เพราะมันเดินลำบากมากๆ T-T Tip4 : ไดอิจิ ทากิโมโตคัง สามารถเข้าแช่แบบ Day Trip ได้ (ไม่ต้องพักกับโรงแรม) โดยจะเสียค่าเข้า 2,000 เยน, 9:00 – 18:00 Tip5 : ใครไม่กล้าแช่ออนเซ็น เพราะไม่คุ้นชิน หรือเขินอาย ที่นี่ยังมีสระน้ำร้อน ให้เข้าแบบใส่ชุดว่ายน้ำได้ Tip6 : บริเวณหุบเขานรกจิโกคุดานิ จะมีการประดับไฟในช่วงเย็นของทุกวัน ตลอดปี ตั้งแต่พลบค่ำ - 21:30 Tip7 : Sticker Noboribetsu สามารถปลดล็อคได้จากบริเวณ JR Noboribetsu เพียงแค่ เปิดแอพ Trippino Hokkaido พร้อมเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และ GPS
ข้อมูลที่จำเป็น
Noboribetsu Jigokudani
ที่อยู่ : Noboribetsu Onsen-cho, Noboribetsu, GPS : 42.497619, 141.148655
Tel. : +81 143-84-3311 Daiichi Takimotokan ที่อยู่ : 55 Noboribetsu-onsen, Noboribetsu, GPS : 42.776343, 141.245095 Tel. : +81-143-84-2111
