COLUMN
May. 13 2022
.
.
เมื่อพูดถึงฮอกไกโด สัตว์ชนิดแรกที่ไม่ว่าจะคนญี่ปุ่นหรือคนไทยหลาย ๆ คนนึกถึงก็คือ “หมีสีน้ำตาล” หรือที่ในภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า “ฮิกุมะ” (ヒグマ) ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับฮอกไกโด และกลายมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของฮอกไกโดอีกด้วย บนเกาะฮอกไกโดนั้นมีหมีสีน้ำตาลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากถึงหลักพันตัวเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะ (Shiretoko National Park) ที่ตั้งอยู่สุดขอบตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอกไกโด
.
.
อุทยานแห่งชาติชิเรโตโกะเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติและได้รับการขึ้นทะเบียนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 คำว่า “ชิเรโตโกะ” มาจากภาษาของชาวไอนุ ชาวพื้นเมืองฮอกไกโด และมีความหมายว่า “จุดสุดขอบโลก” พื้นที่ของอุทยานครอบคลุมเกือบทั้งบริเวณของคาบสมุทรชิเรโตโกะและพื้นที่ส่วนใหญ่เข้าถึงได้แค่ทางเรือและการเดินเท้าเท่านั้น หลายคนอาจจะรู้จักอุทยานนี้เพราะว่าในฤดูหนาวจะมีธารน้ำแข็งในกลางทะเล และนักท่องเที่ยวมักจะมาล่องเรือตัดน้ำแข็งกัน แต่นอกจากนั้นแล้วที่อุทยานยังเป็นบริเวณที่มีประชากรหมีสีน้ำตาลมากที่สุดบนเกาะฮอกไกโดอีกด้วย
.
วันนี้เราขอพาทุกท่านไปเดินป่าในบริเวณ 5 ทะเลสาบแห่งชิเรโตโกะ หรือ “Shiretoko Five Lakes” (Shiretoko Goko ในภาษาญี่ปุ่น) โดยทะเลสาบทั้งห้านั้นเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ และมีน้ำพุจากใต้ดินไหลเข้ามาทำให้เกิดเป็นทะเลสาบขึ้น ทะเลสาบทั้งห้าแห่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน และเส้นทางเดินป่ารอบทะเลสาบทั้งห้านี้มีระยะทางรวมประมาณ 1.6 กิโลเมตร (short loop) และ 3 กิโลเมตร (long loop) ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมง
ในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงกรกฎาคม จะต้องมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญนำเส้นทาง (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ประมาณ 5000 เยนต่อคน) เนื่องจากเป็นช่วงที่สามารถพบหมีสีน้ำตาลในป่าได้บ่อยครั้ง หรือหากไม่ต้องการจะเข้าป่า ก็มีทางเดินยกระดับที่ทำจากไม้ให้สามารถเข้าไปเดินชมบรรยากาศของทะเลสาบหมายเลข 1 ได้เช่นกัน โดยหากเดินไป-กลับ บนทางเดินไม้ จะมีระยะทางรวม 1.6 กิโลเมตร
ทางเดินไม้ที่สามารถเดินเข้าไปชมบรรยากาศได้ (ไม่ต้องมีไกด์)
นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องพึงระวังไว้เสมอว่าตอนนี้เราเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของหมีสีน้ำตาล เราอาจจะเจอกับหมีตอนไหนก็ได้ และหากถูกหมีโจมตีก็มีอันตรายถึงชีวิต ที่สำคัญคือไม่มีวิธีใดสามารถป้องกันการโจมตีจากหมีได้ 100% ดังนั้นก่อนเข้าป่า ทุกคนจะต้องชมวิดีโอบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเดินในป่า ข้อห้าม ข้อควรระวังต่าง ๆ ข้อควรปฏิบัติเมื่อเจอกับหมี และเมื่ออยู่ในป่าจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ระหว่างทางเดิน ไกด์ก็จะคอยพาชมสิ่งต่าง ๆ พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียด เช่น พืชที่เป็นอาหารหลักของหมี กวาง นกชนิดต่าง ๆ รอยกรงเล็บหมีปีนต้นไม้ เขากวาง รอยเท้าหมี ฯลฯ บอกเลยว่าไกด์เชี่ยวชาญและเก่งมากจริง ๆ นอกจากนี้ไกด์ก็จะให้ทุกคนยืมกล้องสองตาไว้ส่องสัตว์หรือสิ่งต่าง ๆ ด้วย เส้นทางเริ่มจากทะเลสาบหมายเลข 5 ก่อน แล้วจึงเป็นหมายเลข 4 3 2 และ 1 ซึ่งหลังจากเดินไปถึงทะเลสาบหมายเลข 1 แล้ว ก็จะเดินขึ้นไปบนทางเดินยกระดับไม้ และวนกลับมาที่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น
พบกับกวางระหว่างทางเดิน
.
ทะเลสาบหมายเลข 5 เป็นทะเลสาบแรกในเส้นทาง
ทะเลสาบหมายเลข 4
ทะเลสาบหมายเลข 3
ทะเลสาบหมายเลข 3 จากอีกมุมหนึ่ง
ทะเลสาบหมายเลข 2
ทะเลสาบหมายเลข 1
พบกับนกหัวขวานระหว่างทาง ซึ่งพ่อกับแม่นกกำลังหาอาหารมาป้อนลูกในรังอยู่
ทางเดินไม้
เรือที่จองไว้ บนเรือนั่งได้ประมาณ 30 คน
.
ไม่รู้ว่าจะรู้สึกเสียดายหรือรู้สึกโชคดีกันแน่ที่ในวันที่เราไปไม่เจอหมีในป่าเลยครับ เสียดายที่ไม่ได้เจอหมีตัวเป็น ๆ ระหว่างเดินป่า แต่ก็รู้สึกว่าโชคดีที่ไม่เจอ เพราะถ้าเราเจอแล้ว เท่ากับว่าเรามีความเสี่ยงที่จะโดนหมีโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอกับหมีในระยะใกล้มาก ๆ อาจเป็นเพราะว่าวันนั้นอากาศค่อนข้างร้อนด้วยส่วนหนึ่ง หมีจึงอยู่แต่ในป่าลึก แต่ในเมื่อเรามาถึงชิเรโตโกะทั้งที ก็ขอไปเจอหมีสีน้ำตาลตัวเป็น ๆ สักหน่อย เราจึงไปนั่งเรือ cruise ship ชมวิวตามแนวชายฝั่งของคาบสมุทรชิเรโตโกะกันต่อในช่วงบ่าย
.
ด้านในเรือ เราสามารถเลือกนั่งด้านบนหรือด้านล่างก็ได้ เพราะบางครั้งด้านบนแดดแรงไปหรืออากาศอาจจะเย็นเกินไป
เรือ cruise ship มีหลากหลายเส้นทางให้เลือก มีทั้งเส้นทางที่ไปจนสุดปลายแหลมชิเรโตโกะ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 40 นาที หรือเส้นทางที่ไปกลับเรือที่น้ำตกคามุยวักกะ (Kamuiwakka Falls) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที และอื่น ๆ อีกมากมายขึ้นกับบริษัทเจ้าของเรือ เราเลือกเส้นทางที่ไปถึงน้ำตกคามุยวักกะ และไปกลับเรือที่บริเวณโกดังหมายเลข 19 เนื่องจากบริเวณนั้นสามารถพบหมีออกมาหากินบริเวณริมทะเลได้ ระหว่างทางเรือก็จะไปแวะที่สถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกเล็ก ๆ มากมาย หรือแลนด์มาร์คที่อยู่ตามชายฝั่ง คนขับเรือก็จะคอยพูดบรรยายไปด้วย
แต่ด้วยอากาศและแสงแดดที่ค่อนข้างร้อน ทำให้เราเจอหมีเพียง 2 ตัวบริเวณน้ำตกเท่านั้น ซึ่งปกติจะเจอมากกว่านี้ คนขับเรือบอกว่าหมี 2 ตัวนี้น่าจะเป็นแม่ลูกกัน นอกจากนี้เรายังเจอกวาง 2 กลุ่มใหญ่ ๆ อีกด้วย ทิวทัศน์ข้างทางก็สวยมาก ๆ
หมีสองตัวที่อยู่ในรูปด้านบนคือก้อนสีดำ ๆ ทางด้านซ้าย
.
ตกเย็นได้เวลาพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า และได้เวลาเดินทางกลับแล้วเช่นกัน ระหว่างทางขากลับก็แวะที่ Road to the Sky (天に続く道) ทางหลวงหมายเลข 244 ซึ่งเป็นถนนที่ตัดเป็นเส้นตรงยาวถึง 18 กิโลเมตร มองเห็นเส้นถนนไปไกลสุดขอบฟ้า เหมือนกับว่าถ้าขับไปเรื่อย ๆ จะสามารถไปถึงท้องฟ้าได้สมชื่อ ในแต่ละปีในช่วงปลายเดือนเดือนกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคม พระอาทิตย์จะมาตกตรงกับปลายถนนนี้ ทำให้เกิดภาพที่สวยงามมาก ๆ แต่มีข้อควรระวังคือในช่วงฤดูหนาวจะไม่สามารถสัญจรผ่านเส้นทางนี้ได้ เพราะหิมะบนถนนเส้นนี้จะไม่ถูกโกยขึ้น และในบริเวณใกล้เคียงไม่มีโรงแรมหรือที่พักใด จึงไม่แนะนำให้อยู่ถ่ายรูปจนดึกเกินไป
.
Road to the Sky (天に続く道) ทางหลวงหมายเลข 244
แม้ว่าในวันนี้จะไม่ได้เจอกับหมีหลายสิบตัวอย่างที่หวังไว้ในตอนแรก แต่ก็ถือว่าเป็นอีกทริปที่สนุกและคุ้มค่า ได้ความรู้จากการเดินป่า และเราก็อยากจะแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวมาก ๆ เลยครับ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุทยานได้ที่เว็บไซต์ของอุทยานได้เลย ที่นี่
.
พิกัดจุดชมวิว Road to the Sky ที่สุดปลายถนน https://goo.gl/maps/Xq8QWU9qnE9Fh9bu6 (มีจุดชมวิวอีกจุดซึ่งอยู่ด้านหน้า แต่บริเวณนั้นไม่มีป้าย)
.
Discover Cool Things!
Trippino HOKKAIDO
NEXT RECOMMEND
Oct. 112017
Dec. 242018
คอลัมน์ท่องเที่ยวฮอกไกโด
LATEST
Nov. 21 2024