Column

Aug. 23 2019

2 วัน 1 คืน พบประสบการณ์ใหม่ๆที่เมือง Yoichi

.
.
ถ้าหากเอ่ยถึงชื่อเมืองโยอิจิ อาจจะมีคนส่วนหนึ่งที่รู้จักว่าเป็นเมืองที่โด่งดังทางด้านวิสกี้และมีโรงงานผลิตวิสกี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย

 

แต่จริงๆแล้วที่นี่ยังโด่งดังเรื่องแอปเปิ้ล ข้าวหน้าปลาดิบ แถมช่วงนี้มีการผลิตไวน์เพิ่มขึ้นหลายแห่งด้วยนะ เราอยากรู้ว่าที่โยอิจิมีอะไรน่าค้นหามากแค่ไหน ก็เลยไปลองใช้บริการทัวร์ ให้จัดโปรแกรมเที่ยวโยอิจิ 2 วัน 1 คืน โดยที่เราไม่ต้องเตรียมตัวหาข้อมูลหรือขับรถเองเลย เพราะทัวร์ เมืองโยอิจิได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยวไว้ให้พวกเราหมดแล้ว แถมยังได้พักค้างคืนที่ฟาร์มผลไม้ที่โยอิจิอีกด้วยนะ อยากรู้ว่าเป็นยังไง ตามอ่านได้เลยครับ
.

 

 

เมืองโยอิจิอยู่ที่ไหน?

เมืองโยอิจิเป็นเมืองที่อยู่ใกล้โอตารุที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล การเดินทางไม่ยากเพียงแค่นั่งรถไฟจาก Sapporo ไปลงที่ Otaru ก่อน จากนั้นก็ต่อรถไฟสาย local (เส้นทางไป Kutchan) ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณชั่วโมงนึงเท่านั้นเอง

  

.

 

เอาล่ะออกเดินทางกันเลย!!
 

  


 

.

- วันที่ 1 -

 

 

ที่แรกที่ทางโปรแกรมจัดให้ทันทีที่ไปถึงโยอิจินั่นก็คือ ไปเก็บอุนิ (ไข่หอยเม่น) สดๆแถวๆจุดชมวิวที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก แต่วิวร้อยล้านมาก ชื่อว่า Ebisu iwa เป็นหินรูปทรงแปลกๆ 2 อัน อยู่กลางทะเล แถมมีเสาโทริอิขนาดเล็กอยู่ข้างบนหิน Ebisu ด้วย

 

.

  

.

 

ในช่วงหน้าร้อนก็จะเป็นช่วงที่พีคของการเก็บอุนิของที่นี่ จะมี 2 พันธุ์ด้วยกันคือ Bafun uni และ Ezomurasaki uni ซึ่งจากสภาพหลายๆ อย่างในวันนี้ ทำให้เราเก็บได้แค่ Ezomurasaki uni เท่านั้น และนอกจากอุนิเรายังได้ของแถมอีกอย่างคือได้ลองชิมปลิงทะเลด้วย (ซึ่งสำหรับคนไทยเรานับว่าเป็นของแปลกที่หาทานได้ยากทีเดียว)
.

 

.

โดยคุณลุงท่านนี้ที่เป็นชาวประมงท้องถิ่นตัวจริงจะลงเรือไปเก็บมาให้เรา เราก็ยืนเชียร์กันอยู่ข้างบน 555
.

  

ขั้นแรกกระเทาะเปลือกอุนิให้เปิดออกก่อน ข้างในก็จะเป็นแบบนี้ เราก็ได้ลองคว้านเนื้ออุนิออกมา จริงๆแล้วมันคือรังไข่หอยเม่นล่ะ เนื้อเหลืองๆ ดูนุ่มๆ น่าทานมาก ๆ

  

.
เปรียบเทียบกันระหว่าง Bafun uni (ซ้าย) และ Ezomurasaki uni (ขวา) ความต่างก็คือ Bafun uni เนื้อจะแน่นกว่า รสเข้มข้นกว่า จะกรุบ ๆ กว่าทาง Ezomurasaki ที่หวานๆและละลายในปากมากกว่า เลือกไม่ถูกเลย ชอบทั้งคู่เลยจ้า

 

จากนั้นคุณป้าภรรยาของคุณลุงชาวประมงก็ทำอาหารให้พวกเราทานจากอุนิ มีข้าวห่อสาหร่ายจากอุนิที่ใส่เกลือปรุงรสมาด้วย อร่อยมากๆ หาทานที่อื่นยากนะ 

 

.

  

.
และก็มีอีกอย่างที่โดยส่วนตัว ผมชอบมากสุดในบรรดาอาหารที่ทำจากอุนิ นั่นก็คือซุปอุนินั่นเอง วิธีทำก็ไม่ยากเลย เหมือนทำซุปธรรมดาแล้วใส่อุนิกับต้นหอมลงไปเท่านั้น รสชาติออกมานุ่มละมุนมากๆเลย
 

ข้าวห่อสาหร่ายอุนิ และซุปเป็นเมนูพิเศษเฉพาะวันที่เราไป

 


 

จบที่แรกเรียบร้อยเราก็บอกลาคุณลุงคุณป้า ไปนั่งพักจิบชาชมธรรมชาติกันต่อที่ร้านน้ำชา Sawa ซึ่งเค้าเปิดให้พักค้างคืนได้ด้วยนะ
 

  

ที่นี่แต่เดิมนั้นเป็นกระท่อมชาวประมงที่จับปลานิชชินเป็นหลัก แต่ภายหลังได้ถูกเปลี่ยนเป็นที่พักและเป็นร้านน้ำชา 

 

นอกจากนี้ข้างในบ้านยังมีการตกแต่งไปด้วยของใช้ญี่ปุ่นโบราณที่สวยงามมากๆ แถมได้ความรู้ใหม่ๆจากเจ้าของบ้านด้วย 

  

.
พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น บรรยากาศสบายๆเหมือนอยู่ในบ้านตัวเอง จิบกาแฟ (หรือถ้าใครไม่ดื่มกาแฟก็มีน้ำผลไม้ชื่อดังของโยอิจิ เช่นน้ำแอปเปิ้ลให้ดื่ม) ไปพลาง ชมวิวทิวทัศน์ ฟังเสียงลมเสียงนกร้องไปพลาง ก็ทำให้เรารู้สึกถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติจริงๆ มาที่นี่แล้วรู้สึกได้ผ่อนคลายมากๆ

 

ในสวนที่มีดอกไม้สวยๆปลูกอยู่เพียบ ก็มีน้องแพะให้เราไปป้อนอาหารด้วย

  

.
 

ค้างคืนที่ Farm Stay

 

ที่ต่อไปเป็นสถานที่ที่เราจะได้นอนพักในค่ำคืนนี้ ชื่อว่า Marumatta Farm นั่นเอง

 

ฟาร์มนี้เป็นสวนผลไม้ที่อยู่ใกล้กับภูเขา ในส่วนที่เราจะได้ไปพักเป็นส่วนของบ้านของเจ้าของสวน เป็นบ้านไม้อายุกว่า 20ปี

 

สำหรับมื้ออาหารเย็นนั้นหรูหราอลังการมาก มีทั้งเทมปุระผักจากสวนที่เราได้ไปเก็บเอง มีซาชิมิสดๆใหม่ๆ และไฮไลต์เลยคือเราได้ทานปูกันคนละตัวเลย! อิ่มหนำกันไป ต้องขอบคุณคุณตาคุณยายเจ้าของสวนที่ทำให้พวกเราทานมากๆ อร่อยและวัตถุดิบเค้าดีจริง

  

.

  

.

  

เรามีโอกาสได้ดื่มเหล้าแอปเปิ้ลที่ทำมาจากแอปเปิ้ลในสวนนี้ด้วย แพคเกจสวยงามมากๆ รสชาติก็เข้มข้น สัมผัสได้ถึงเนื้อแอปเปิ้ลจริงๆ หาดื่มได้ยากนะ ผมก็เพิ่งเคยดื่มเหล้าแอปเปิ้ลเป็นครั้งแรก ได้ดื่มนี่คือแปลว่ามาถึงโยอิจิแล้วจริงๆ

 

.

  

.

 

คุณตาคุณยายเฟรนด์ลี่มากๆ ทำอาหารเสร็จเหนื่อยๆก็มานั่งทานข้าวกับพวกเรา ชวนคุยสนุกๆ ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันเข้านอน เตรียมพร้อมสำหรับโปรแกรมในวันรุ่งขึ้น
.
.
.

  


- วันที่ 2 -

ตื่นมาแล้วก็ได้ทานอาหารเช้าฝีมือคุณตาคุณยายจนอิ่มเช่นเคย หลังจากนั้นก็ได้ไปเดินย่อยเดินเก็บผลไม้ในสวนกันต่อ พอได้เข้าไปในสวนผลไม้แล้ว เราสามารถเก็บลูกพรุนมาทานได้ไม่อั้น สดๆจากต้นเลย การดูว่าลูกพรุนนั้นสามารถทานได้แล้ว ให้ดูว่าผลเปลี่ยนเป็นสีดำแล้วหรือยัง รสชาติจะออกเปรี้ยวๆหวานๆ
.

  

.

  

.
สำหรับฤดูการเก็บผลไม้ของที่นี่ เดือนกรกฎาคมจะเป็นฤดูเก็บเชอร์รี่และบ๊วย ส่วนเดือนสิงหาคมจะเป็นฤดูการเก็บพรุนและแอปเปิ้ล

  

.

  


 

หลังจากทานผลไม้จนอิ่มก็ไปทัวร์โรงงานผลิตนิกก้าวิสกี้ (Nikka Whisky Distillery) กันต่อเลย

  

.
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังจากละครญี่ปุ่น Massan แถมยังเป็นสถานที่ที่ได้รับการพัฒนาและผูกพันกับเมืองโยอิจิมาเนิ่นนาน เนื่องจากภรรยาของผู้ก่อตั้งโรงงานเป็นชาวสก็อตแลนด์ บรรยากาศเมื่อเข้าไปแล้วเหมืองอยู่ในสก็อตแลนด์จริงๆ มีจุดถ่ายรูปสวยๆเยอะเลย

 

สัญลักษณ์ของโรงงานเป็นสไตล์ยุโรปก็จริง มีตราหมากรุกด้วย แต่ก็มีการผสมผสานเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไว้อย่างลงตัว เช่นมีสุนัขเฝ้าศาลเจ้าชินโตใส่ลงไป ความหมายที่แท้จริงของสัญลักษณ์นี้โดยรวมถูกคิดมาแล้วอย่างลึกซึ้งมากๆ
.

  

.
ที่มาของการเริ่มผลิตวิสกี้ที่โยอิจิ เพราะว่าที่นี่มีสภาพภูมิอากาศคล้ายๆกับสก็อตแลนด์ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแหล่งผลิตวิสกี้ชั้นนำของโลกอยู่ ในโรงงานก็จะโชว์ขั้นตอนการผลิตแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ดูเพลินๆได้ความรู้เพิ่มด้วย

 

เมื่อได้มาที่นี่แล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดที่สุดเลยคือการชิมวิสกี้ มีวิสกี้2รสและไวน์แอปเปิ้ลให้ลองชิม ไปถึงต้องไปรับการ์ดชิมและกรอกข้อมูลตรงจุดให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว (เข้าประตูใหญ่แล้วเจอเลย อยู่ทางซ้ายมือ) เด็กๆอายุต่ำกว่า20ปี และคนขับรถ ห้ามดื่มนะจ๊ะ มีวิธีการดื่มหลายแบบที่เค้าเขียนไว้ ทั้งแบบผสมโซดา ใส่น้ำแข็ง หรือดื่มเพียวๆ ก็เลือกผสมเองได้ตามชอบเลย และนอกจากนี้มีตู้กดกับแกล้มอัตโนมัติ สิ่งที่พวกเราอยากแนะนำที่สุดคือช็อคโกแล็ตวิสกี้ เข้ากันมากๆกับวิสกี้เลยน้า

 

มุมของฝากก็มีของที่มีขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น เช่น ช็อคโกแล็ตใส่ถังวิสกี้ หมีกอดขวดวิสกี้จิ๋ว เค้กรสวิสกี้ เค้าสร้างสรรค์กันเก่งจริงๆ ผมนี่อยากซื้อกลับบ้านให้หมดเลย
.

  

.

  

.

ที่ต่อไปที่เราจะไปกันต่อก็คือ Nakai Fruit Farm นั่นเอง

สวนนี้เด่นๆเลยคือเป็นสวนองุ่น ที่มีจุดชมวิวที่ดีมากๆ สามารถมองเห็นเมืองโยอิจิทั้งเมือง เห็นสนามบินเล็กๆของเมือง แถมเห็นไปถึงทะเล จริงๆแล้วแหล่งผลิตไวน์ส่วนใหญ่ในฮอกไกโดใช้องุ่นจากฟาร์มนี้ในการผลิตไวน์แหละ นอกจากนี้ถ้ามาในช่วงเดือนกรกฎาคมจะเป็นฤดูกาลเก็บเชอร์รี่ของที่นี่ มาเก็บทานกันได้เลย
.

  

.

  

.

  

.

  


ปิดทริปด้วยมื้ออร่อยที่ร้าน Fukumasa

เอาล่ะ เที่ยวกันมาสนุกมากพอ เราก็มาทานอาหารกลางวัน เป็นที่สุดท้ายของเรา กับร้านซูชิและข้าวหน้าทะเลต่างๆ Fukumasa ถ้าอยากทานแบบราคาถูกและคนน้อยกว่ามื้อเย็นให้มาทานช่วงกลางวัน

 

พวกเราได้ทานข้าวหน้าอุนิประจำฤดู เราไม่ได้อวยนะ แต่เป็นข้าวหน้าอุนิที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลย เพราะได้ทานอุนิ2ชนิดเปรียบเทียบกันในปริมาณที่มาก แถมรสชาติเข้ากันดีกับข้าวที่คลุกน้ำส้มสายชูมาแบบกำลังดี อารมณ์เหมือนข้าวซูชิเลย ให้ความรู้สึกอร่อยคนละแบบกับอุนิที่เราไปเก็บสดๆมาเมื่อวันแรก แต่เราชอบทั้งคู่เลย ให้เต็ม10ไปเลยจ้า

 

ถ้าเข้าร่วมทัวร์นี้บางทีก็จะมีโอกาสได้ลองทำซูชิด้วยนะ

  

.

  

.

   


.

- ส่งท้าย -

พอได้เข้าร่วมทัวร์2วัน1คืนนี้แล้ว ทำให้ได้สัมผัสเสน่ห์ของเมืองโยอิจินี้ ว่าไม่ได้มีดีแค่วิสกี้นะ มีอย่างอื่นให้เรารอค้นหาอีกเยอะ โยอิจิ เป็นเมืองที่ธรรมชาติสวย มีทั้งภูเขาและทะเลสวยๆ อาหารก็อร่อย เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก แถมไม่ไกลจากซัปโปโรเลย แนะนำสำหรับคนที่มาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวตามไกด์บุ๊คของฮอกไกโดมาเยอะ แล้วอยากลองเที่ยวแบบสบายๆไม่เร่งรีบ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆไม่ซ้ำใครเลยล่ะ

 

.

 

เว็บไซด์จองทัวร์ (ภาษาญี่ปุ่น) : 
ฤดูร้อน : http://h-takarajima.com/detail/index/4938
ฤดูใบไม้ร่วง : http://h-takarajima.com/detail/index/4940

  


.
.
.
Discover Cool Things!
Trippino HOKKAIDO

.

Must
Go
Now!

คุณควรไปตอนนี้!

Apr2024

คุณควรไปตอนนี้!